กรุณาใช้ Internet Explorer หรือ Microsoft Edgeเท่านั้น
กรณีใช้Windows 11และMicrosoft Edge คลิ๊กที่นี่
คู่มือการกรอกคำขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า
คู่มือการยื่นคำร้องผ่านเว็บ Form D (ระบบ ESS) Form E (ระบบ ESS) Form CO ทั่วไป (ระบบ ESS) Form RCEP (ระบบ ESS) คู่มือการสมัครใช้งาน ESS วิธีแก้ไขหากเป็น Microsoft Edge คู่มือระบบต้นทุนร่วม คลิปบรรยายระบบต้นทุนร่วม
แบบสอบถามความพึงพอใจ/ไม่พึงพอใจของผู้รับบริการ
สำนักบริการการค้าต่างประเทศ
ประกาศ ณ วันที่ 5 พฤษภาคม 2560
ประกาศ !!
ตามที่ได้แจ้งว่า ระบบ e-Form D ของเมียนมาขัดข้อง นั้น
ขณะนี้ เมียนมาแจ้งว่าสามารถรับ-ส่งข้อมูล e-Form D ผ่านระบบ ASW กับประเทศสมาชิกอาเซียนได้ตามปกติแล้ว
ดังนั้น ผู้ประกอบการสามารถ เลือกไม่พิมพ์ Form D รูปแบบกระดาษได้ตามเดิม
จึงแจ้งมาเพื่อทราบ
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567
ประกาศ!!
การใช้งาน Port of Discharge ที่ปรับปรุงเพิ่มเติมของ Form D กรณีส่งออกไปกัมพูชา
ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป กัมพูชาได้ปรับปรุงท่าเทียบสินค้า (Port of Discharge) สำหรับส่งออกไปกัมพูชา โดยเพิ่มท่าเทียบสินค้า 1 แห่งและยกเลิกท่าเทียบสินค้า 4 แห่งในระบบ EDI เพื่อรองรับการใช้งาน e-Form D ให้เป็นปัจจุบัน ดังนี้
เพิ่มท่าเทียบสินค้า จำนวน 1 แห่ง
|
ยกเลิกท่าเทียบสินค้า จำนวน 4 แห่ง
|
KHKSP (Kampong Speu)
|
KHCHE (Cheko)
|
KHKKO (Kas Kong)
|
KHKZD (Krakor)
|
KHSVY (Phumi Svay Rolum)
|
ผู้ประกอบการสามารถศึกษารายละเอียด Port of Discharge ของ e-Form D ตาม link ด้านล่าง
ทั้งนี้ การยื่นขอ Form D ในรูปแบบ File XML สามารถศึกษา Schema Port of Discharge ของ Form D ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2567 เป็นต้นไป (ติดต่อสอบถามทาง email : prayut@nti.co.th)
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 24 ตุลาคม 2567
!! ประชาสัมพันธ์ !!
ขอเชิญร่วมทดสอบการยื่นขอ Form JTEPA รูปแบบใหม่
เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-CO JTEPA
ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน - 30 ธันวาคม 2567 ขอเชิญผู้ประกอบการร่วมทดสอบการยื่นขอ Form JTEPA ในรูปแบบใหม่ เพื่อทดสอบการแลกเปลี่ยนข้อมูลหนังสือรับรองฯ หรือ e-CO JTEPA ผ่านระบบทดสอบ https://smartcodemo.dft.go.th โดยมีรายละเอียดที่เปลี่ยนแปลง ดังนี้
1. จำกัดจำนวนตัวอักษรที่กรอกข้อมูลในช่อง 2
2. ห้ามระบุอักขระพิเศษ 6 รายการ ได้แก่ $, [, ^, ], _, ¥ ในช่อง 2 และช่อง 7 เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
3. ปิดการระบุหน่วย QTY Package ที่แสดงในช่องรายละเอียดสินค้าของแต่ละรายการ
4. ระบุปริมาณรวม (Total) สำหรับแสดงในช่อง 7 ได้เพียง 1 ค่า เท่านั้น โดยหน่วยที่ใช้งานเป็นไปตามที่กำหนดไว้ใน MIG ของ JTEPA ศึกษารายละเอียด คลิกที่นี่
5. เปลี่ยนการแสดงข้อความในช่องที่ 4 ของ Form JTEPA รูปแบบกระดาษ กรณีออกฟอร์มย้อนหลัง จากเดิม “ISSUED RETROACTIVELY , date of shipment is ……..” เป็น “Date of shipment is ……..”
6. กรณีต้องการยกเลิก Form JTEPA คำขอยกเลิกจะมีผลเมื่อได้รับการ ยืนยัน จากศุลกากรญี่ปุ่น ซึ่งผู้ประกอบการสามารถติดตามสถานะได้จากระบบฯ
7. ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form JTEPA รูปแบบ File XML สามารถดาวน์โหลด Template XML สำหรับทดสอบ ได้ที่เมนูประกาศหรือ คลิกที่นี่
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่จะยื่นขอ Form JTEPA ให้ยื่นผ่านระบบ DFT SMART C/O (https://smartco.dft.go.th) ได้ตามเดิม จนกว่าจะประกาศใช้งาน e-CO JTEPA ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ต้นปี 2568
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 17 ตุลาคม 2567
ประกาศ !!
ตามที่ได้แจ้งว่า ระบบ e-Form D ของฟิลิปปินส์ขัดข้อง นั้น
ขณะนี้ ฟิลิปปินส์แจ้งว่าสามารถรับ-ส่งข้อมูล e-Form D ผ่านระบบ ASW กับประเทศสมาชิกอาเซียนได้ตามปกติแล้ว
ดังนั้น ผู้ประกอบการสามารถ เลือกไม่พิมพ์ Form D รูปแบบกระดาษได้ตามเดิม
จึงแจ้งมาเพื่อทราบ
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 10 ตุลาคม 2567
*** ประกาศ ***
ขอเลื่อนการให้บริการออกฟอร์ม 7 ประเภท ผ่านระบบ DFT SMART C/O ได้แก่ Form D, Form ASEAN - India (AI), Form Thai - India, Form Thai - Chile (TC), Form C/O ส่งออกไปสหภาพยุโรป, Form A และ Form GSTP จากเดิมวันที่ 15 กันยายน 2567 ออกไป โดยมีแผนเปิดให้บริการใหม่ ดังนี้
1. Form D, Form ASEAN - India (AI) และ Form Thai - Chile (TC) : จะเปิดให้บริการผ่านระบบ DFT SMART C/O ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2568 เป็นต้นไป
2. Form Thai - India, Form C/O ส่งออกไปสหภาพยุโรป (ใบยาสูบ/ข้าว/มันสำปะหลัง/แป้งมันสำปะหลัง/ไก่/ปลา/หัตถกรรมทั่วไป/ผ้าไหมและผ้าฝ้ายทอด้วยมือ), Form A และ Form GSTP : ให้บริการผ่านระบบ EDI ตามเดิมต่อไป
3. ขอให้ผู้ส่งออกที่จะยื่นขอ Form D, Form ASEAN - India (AI) และ Form Thai - Chile (TC) ผ่านระบบ DFT SMART C/O เตรียมความพร้อม โดยสมัครบัญชีผู้ใช้งานประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมทั้งมอบ - รับมอบอำนาจฯ ผ่านระบบ DFT SMART - I (https://smart-1.dft.go.th) หลังจากนั้นให้ส่งตัวอย่างลามมือชื่อและตราประทับนิติบุคคล(ถ้ามี) ผ่านระบบ DFT SMART C/O (https://smartco.dft.go.th)
4. ศึกษาขั้นตอนการใช้งานระบบ DFT SMART - I และระบบ DFT SMART C/O ได้ตาม QR Code หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4837 /0 2547 4826 /0 2547 4838 /0 2547 4810 หรือ สายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385
ประกาศ ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2567
ประกาศ !!
ตามที่ได้แจ้งว่า ระบบ e-Form D ของ เวียดนาม ขัดข้อง นั้น
ขณะนี้ เวียดนาม สามารถรับ - ส่งข้อมูล e-Form D ผ่านระบบ ASW กับประเทศ
สมาชิกอาเซียนได้ตามปกติแล้ว ดังนั้น ผู้ประกอบการสามารถเลือก
ไม่พิมพ์ Form D รูปแบบกระดาษได้ตามเดิม
จึงแจ้งมาเพื่อทราบ
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2567
ประกาศ
ตามที่ได้แจ้งว่า ระบบ e-Form D ของ สปป.ลาว ขัดข้อง นั้น
ขณะนี้ สปป.ลาว แจ้งว่า สามารถรับ-ส่งข้อมูล e-Form D ผ่านระบบ ASW กับประเทศสมาชิกอาเซียนได้ตามปกติแล้ว ดังนั้น ผู้ประกอบการสามารถเลือก
ไม่พิมพ์ Form D รูปแบบกระดาษได้ตามเดิม
จึงแจ้งมาเพื่อทราบ
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2567
ประกาศ!!
แนวปฏิบัติในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า กรณีสินค้าเฝ้าระวัง / บริษัทที่ถูกดำเนินมาตรการ Watch List
ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป กรมฯ ได้ปรับปรุงแนวปฏิบัติในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า กรณีสินค้าเฝ้าระวัง / บริษัทที่ถูกดำเนินมาตรการ Watch List โดยผู้ยื่นขอหนังสือรับรองฯ สามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ คลิกที่นี่
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2567
ประชาสัมพันธ์ !!
อาเซียนได้พัฒนาโครงสร้างการแลกเปลี่ยนข้อมูล e-Form D ใหม่
เพื่อให้การเชื่อมโยงข้อมูลเป็นมาตรฐานและรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกับเอกสารอื่นได้
จึงขอให้ผู้ประกอบการที่ขอ Form D ผ่านระบบ EDI เข้าร่วมทดลองยื่นขอ e-Form D
ผ่านระบบ DFT SMART C/O ตาม Link https://smartcodemo.dft.go.th (ระบบทดสอบ)
เพื่อจะได้ทดสอบผลการเชื่อมโยงข้อมูล e-Form D ตามโครงสร้างใหม่ ก่อนเปิดใช้งานจริง
ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 21 มิถุนายน 2567
*** ประกาศ ***
ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป กรมการค้าต่างประเทศจะเปิดให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า 3 ประเภท ได้แก่ Form AANZ, Form JTEPA และ Form Thai - Australia ผ่านระบบ DFT SMART C/O (http://smartco.dft.go.th) ขอให้ผู้ประกอบการดำเนินการดังนี้
1. ผู้ที่จะขอหนังสือรับรองฯ 3 ประเภทดังกล่าว ทุกราย จะต้องสมัครบัญชีผู้ใช้งานประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมทั้งมอบ - รับมอบอำนาจให้กระทำการแทนฯ ผ่านระบบ DFT SMART – I ก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นให้ส่งตัวอย่างลายมือชื่อ และตราประทับนิติบุคคล (ถ้ามี) ผ่านระบบ DFT SMART – C/O (http://smartco.dft.go.th) เพื่อขอออก Form C/O ผ่านระบบ DFT SMART C/O ต่อไป
2. ในเดือนพฤษภาคม 2567 สามารถยื่นคำขอ และรับหนังสือรับรองฯ 3 ประเภทดังกล่าวผ่านระบบ edi ได้ถึงวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 เวลา 16.30 น. เท่านั้น
3. ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ให้ยื่นคำขอ และรับหนังสือรับรองฯ ดังกล่าวผ่านระบบ DFT SMART C/O เท่านั้น
4. สำหรับหนังสือรับรองฯ ประเภทอื่นๆ นอกจาก 3 ประเภทนี้ ให้ยื่นผ่านระบบ edi เหมือนเดิม
ผู้ประกอบการสามารถศึกษาข้อมูลขั้นตอนการใช้งานระบบ DFT SMART – I และระบบ DFT SMART C/O ได้ตาม QR Code หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 0 2547 4837 /0 2547 4826 / 0 2547 4838 / 0 2547 4810 หรือสายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385
ประกาศ ณ วันที่ 12 มีนาคม 2567
ประกาศการสั่งซื้อแบบพิมพ์หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าแบบ Online
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการที่จะสั่งซื้อแบบพิมพ์หนังสือรับรองฯ (ฟอร์มเปล่า) จะต้อง Log in เข้าใช้งานระบบสั่งซื้อแบบพิมพ์ฯ (https://formstore.dft.go.th/Home/About) ด้วย username และ password ของ DFT SMART - I และยังสามารถ Log in ด้วยบัตรประจำตัวผู้ส่งออก - นำเข้าสินค้า หรือบัตรประจำตัวผู้รับมอบอำนาจได้ในระยะหนึ่งเท่านั้น โดยกรมฯ จะประกาศแจ้งวันที่ยกเลิกการเข้าใช้งานระบบฯ ด้วยบัตรฯ อีกครั้ง จึงขอให้ผู้ประกอบการเร่งสมัครบัญชีผู้ใช้งานในระบบ DFT SMART- I ให้เรียบร้อยโดยเร็ว
ตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป กรมฯ จะเปิดจำหน่าย Form AK, Form E และ Form C/O ทั่วไป (แบบกระดาษ A4) ให้ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะพิมพ์ฟอร์มด้วยตนเอง (self-printing) โดยกรมฯ จะให้บริการออกฟอร์ม Form AK, Form E และ Form C/O ทั่วไป ผ่านระบบ DFT SMART C/O ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป
ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป เมื่อผู้ประกอบการ Log-in เข้าใช้งานระบบสั่งซื้อแบบพิมพ์ฯ แล้วจะต้อง เลือกรูปแบบการจัดส่งสินค้าเป็นลำดับแรก โดยเลือก
(1) จัดส่งทางไปรษณีย์ (EMS) หรือ
(2) รับด้วยตนเองที่สำนักบริการการค้าต่างประเทศ ชั้น 4
แล้วจึงเลือกสินค้า (ฟอร์มเปล่า) ตามความประสงค์ที่จะใช้งานต่อไป
ตั้งแต่ วันที่ 8 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป เปิดจำหน่าย Form JTEPA (แบบกระดาษ A4) โดยขอให้สั่งซื้อในปริมาณที่เพียงพอต่อการใช้งานจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เท่านั้น เนื่องจากจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบฟอร์มภายใต้ความตกลงดังกล่าว
ตั้งแต่ วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป เปิดจำหน่าย Form Thai – Australia (แบบกระดาษ A4)
ตั้งแต่ วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 เป็นต้นไป ขอให้ผู้ประกอบการที่สั่งซื้อฟอร์มแบบ A4 ดำเนินการดังนี้
1. จำกัดการสั่งซื้อที่ 100 ชุด ต่อ 1 คำสั่งซื้อ (เดิม 500 ชุด ต่อ 1 คำสั่งซื้อ)
2. แนบหลักฐานการชำระเงิน ภายใน 5 วัน นับจากวันที่กดยืนยันรายการสั่งซื้อ (เดิม 15 วัน)
ทั้งนี้ รายการสั่งซื้อที่ยืนยันคำสั่งซื้อก่อนวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 และอยู่ในสถานะ "รอการชำระเงิน" จะต้องแนบหลักฐานชำระเงิน ภายใน 5 วัน เช่นกัน
ประกาศ ณ วันที่ 5 มกราคม 2567 (ปรับปรุงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567)
ประกาศ ! กำหนดการใช้งาน Form AANZ และ Form FTA Thai - Australia
ภายใต้พิกัดศุลกากร HS 2022
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป ความตกลงฯ อาเซียน - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ (AANZFTA) และความตกลงฯ ไทย - ออสเตรเลีย (TAFTA) จะปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules: PSRs) ดังนี้
1. AANZFTA ปรับโอนจากพิกัดภาษีศุลกากร ฉบับปี 2017 (HS 2017) เป็นฉบับปี 2022 (HS 2022) ตารางการลดภาษีนำเข้าของประเทศสมาชิก (TRS) รายละเอียดตาม link ด้านล่าง
หมายเหตุ: มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และออสเตรเลีย ใช้ตารางรายการสินค้าตาม PSRs HS 2022 คลิกที่นี่ ดังนั้น ผู้ประกอบการควรตรวจสอบรายการสินค้าดังกล่าวกับประเทศปลายทางในการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรอีกทางหนึ่งด้วย
2. TAFTA ปรับโอนจากพิกัดภาษีศุลกากร ฉบับปี 2002 (HS 2002) เป็นฉบับปี 2022 (HS 2022) ตารางรายการสินค้า คลิกที่นี่
เงื่อนไขการให้บริการออกหนังสือรับรองฯ
1. Version พิกัดศุลกากรเปลี่ยนเป็น HS 2022 ทั้งการออกหนังสือรับรองฯ และการตรวจต้นทุนสินค้า ดังนั้น กรณีสินค้าพิกัดฯ 25 - 97 หาก HS 2022 ไม่ต่างจาก HS Version เดิมและกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผู้ประกอบการสามารถใช้ผลตรวจต้นทุนเดิมได้จนกว่าจะหมดอายุ
2. ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form AANZ และ Form FTA Thai – Australia ด้วยพิกัดฯ Version เดิม ต้องมารับฟอร์มให้แล้วเสร็จภายในวันพฤหัสบดีที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
3. กรณีคัดลอก (Copy) คำขอหรือเลขอ้างอิงเดิมของ Form AANZ และ Form FTA Thai – Australia ด้วยพิกัดฯ Version เดิม ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบพิกัดฯ ใหม่ก่อนยื่นขอ Form ทุกครั้ง โดยต้องใช้ HS 2022 เท่านั้น
ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567
*** ประกาศ ***
ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป กรมการค้าต่างประเทศจะเปิดให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า 3 ประเภท ได้แก่ Form AK, Form E และ Form C/O ทั่วไป ผ่านระบบ DFT SMART C/O (http://smartco.dft.go.th) ขอให้ผู้ประกอบการดำเนินการดังนี้
1. ผู้ที่จะขอหนังสือรับรองฯ 3 ประเภทดังกล่าว ทุกราย จะต้องสมัครบัญชีผู้ใช้งานประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมทั้งมอบ - รับมอบอำนาจให้กระทำการแทนฯ ผ่านระบบ DFT SMART – I ก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นให้ส่งตัวอย่างลายมือชื่อ และตราประทับนิติบุคคล (ถ้ามี) ผ่านระบบ DFT SMART – C/O (http://smartco.dft.go.th) เพื่อขอออก Form C/O ผ่านระบบ DFT SMART C/O ต่อไป
2. ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 สามารถยื่นคำขอ และรับหนังสือรับรองฯ 3 ประเภทดังกล่าวผ่านระบบ edi ได้ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 16.30 น. เท่านั้น
3. ตั้งแต่วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป ให้ยื่นคำขอ และรับหนังสือรับรองฯ ดังกล่าวผ่านระบบ DFT SMART C/O เท่านั้น
4. สำหรับหนังสือรับรองฯ ประเภทอื่นๆ นอกจาก 3 ประเภทนี้ ให้ยื่นผ่านระบบ edi เหมือนเดิม
ผู้ประกอบการสามารถศึกษาข้อมูลขั้นตอนการใช้งานระบบ DFT SMART – I และระบบ DFT SMART C/O ได้ตาม QR Code หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 0 2547 4837 /0 2547 4826 / 0 2547 4838 / 0 2547 4810 หรือสายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385
ประกาศ ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567
ประกาศ !
กำหนดการใช้งานพิกัดศุลกากร HS 2022 ของ Form C/O ทั่วไป
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป การออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไป จะปรับพิกัดศุลกากร จากฉบับปี 2017 (HS 2017) เป็นฉบับปี 2022 (HS 2022) โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
- ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form C/O ทั่วไป ภายใต้ HS 2017 ไว้ก่อนแล้ว จะต้องมารับ Form C/O ทั่วไป ภายในวันพุธที่ 31 มกราคม 2567 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
- กรณีคัดลอก (Copy) คำขอหรือเลขอ้างอิงเดิมของ Form C/O ทั่วไป จาก HS 2017 ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบพิกัดฯ ใหม่ก่อนยื่นขอ Form ทุกครั้ง โดยต้องใช้ HS 2022 เท่านั้น
- วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการต้องยื่นขอ Form C/O ทั่วไป ผ่านระบบ DFT SMART C/O ภายใต้ HS 2022 เท่านั้น ทั้งนี้ Form C/O ทั่วไปที่ออกด้วยระบบดังกล่าวจะเปลี่ยนแปลงรูปแบบหนังสือรับรองฯ (ตัวอย่าง) คลิกที่นี่
- สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 23 มกราคม 2567
5 ขั้นตอน ขอ Form ผ่านระบบ DFT SMART C/O
ประกาศ ณ วันที่ 9 มกราคม 2567 (ปรับปรุงวันที่ 14 พฤษภาคม 2567)
*** ประกาศ!! การขอ Form C/O ทั่วไป กรณีสินค้าเฝ้าระวัง ***
สำหรับการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป กรมฯ ได้ออกประกาศ เรื่อง การตรวจคุณสมบัติของสินค้าทางด้านถิ่นกำเนิด เพื่อการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าที่ไม่ใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร สำหรับสินค้าเฝ้าระวัง พ.ศ. 2566 สำหรับการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ดังนั้น เพื่อให้การออกหนังสือรับรองฯ ดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามประกาศกรมฯ จึงกำหนดแนวปฏิบัติในการขอหนังสือรับรองฯ Form C/O ทั่วไป ดังนี้
1. ผู้ส่งออกต้องยื่นคำขอตรวจต้นทุนสินค้าเฝ้าระวัง ผ่านระบบ ROVERS PLUS ก่อนการยื่นขอหนังสือรับรองฯ Form C/O ทั่วไป โดยผลการตรวจต้นทุนดังกล่าวมีอายุ 2 ปี นับจากวันที่เจ้าหน้าที่อนุมัติ
2. ระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไป (ระบบ DFT SMART C/O) และประกาศกรมฯ สินค้าเฝ้าระวังใช้พิกัดศุลกากรฉบับปี 2022 (HS 2022) ซึ่งเป็นไปตามองค์การการค้าโลก
3. ตรวจสอบรายการสินค้า ข้อมูลพิกัดศุลกากรตามบัญชีสินค้าเฝ้าระวังแนบท้ายประกาศกรมฯ คลิกที่นี่
ประกาศ ณ วันที่ 28 ธันวาคม 2566 (ปรับปรุงวันที่ 31 ตุลาคม 2567)
*** ประกาศ ***
ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป กรมการค้าต่างประเทศจะเปิดให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า 4 ประเภท ได้แก่ Form AHK, Form RCEP, Form AJCEP และ Form Thai – Peru ผ่านระบบ DFT SMART C/O (https:// smartco.dft.go.th) ขอให้ผู้ประกอบการดำเนินการดังนี้
1. ผู้ที่จะขอหนังสือรับรองฯ 4 ประเภทดังกล่าว ทุกราย จะต้องสมัครบัญชีผู้ใช้งานประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมทั้งมอบ - รับมอบอำนาจให้กระทำการแทนฯ ผ่านระบบ DFT SMART – I ก่อนเป็นลำดับแรก จากนั้นให้ส่งตัวอย่างลายมือชื่อ และตราประทับนิติบุคคล (ถ้ามี) ผ่านระบบ DFT SMART – C/O (https:// smartco.dft.go.th) เพื่อขอออก Form C/O ผ่านระบบ DFT SMART C/O ต่อไป
2. ในเดือนธันวาคม 2566 สามารถยื่นคำขอ และรับหนังสือรับรองฯ 4 ประเภทดังกล่าวผ่านระบบ edi ได้ถึงวันที่ 14 ธันวาคม 2566 เวลา 16.30 น. เท่านั้น
3. ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป ให้ยื่นคำขอ และรับหนังสือรับรองฯ ดังกล่าวผ่านระบบ DFT SMART C/O เท่านั้น
4. สำหรับหนังสือรับรองฯ ประเภทอื่นๆ นอกจาก 4 ประเภทนี้ ให้ยื่นผ่านระบบ edi เหมือนเดิม
ผู้ประกอบการสามารถศึกษาข้อมูลขั้นตอนการใช้งานระบบ DFT SMART – l และระบบ DFT SMART C/O ได้ตาม QR Code หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทรศัพท์ 0 2547 4837 /0 2547 4826 / 0 2547 4838 / 0 2547 4810 หรือสายด่วนกรมการค้าต่างประเทศ 1385
ประกาศ ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2566
ประกาศ ณ วันที่ 25 ตุลาคม 2566
ประกาศ ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2566
ประกาศ !
กำหนดการใช้งาน Form TP (Thai-Peru) ด้วยระบบ ESS ภายใต้พิกัดศุลกากร HS 2017
ตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป ความตกลงฯ ไทย - เปรู (TPCEP) จะบังคับใช้พิธีสารเพิ่มเติมฉบับที่ 4 จึงมีการปรับเปลี่ยนระบบการให้บริการออก Form TP ดังนี้
1. เปลี่ยนพิกัดศุลกากรของบัญชีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules: PSRs) จากพิกัดภาษีศุลกากร ฉบับปี 2007 (HS 2007) เป็นฉบับปี 2017 (HS 2017) คลิกที่นี่
หมายเหตุ: ตารางข้อผูกพันการลดภาษี (Tariff Reduction Schedule: TRS) ใช้สำหรับอ้างอิงรายการสินค้าที่ได้รับสิทธิเท่านั้น คลิกที่นี่
2. รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงความตกลงฯ
2.1 ให้บริการออก Form TP ด้วยระบบElectronic Signature and Seal (ESS) เท่านั้น
2.2 Form TP รูปแบบใหม่ (เปลี่ยนแปลง Overleaf note ด้านหลังของ Form) ตัวอย่าง Form คลิกที่นี่
2.3 อายุของ Form TP จากเดิม 365 วัน เปลี่ยนเป็น 1 ปี
2.4 การออก Form TP ย้อนหลัง (Issued Retroactively) จากเดิม 6 เดือน เปลี่ยนเป็น 1 ปี
2.5 ประกาศกรมฯ เรื่อง การออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าภายใต้กรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐเปรูและพิธีสารระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐเปรูเพื่อเร่งการเปิดเสรีการค้าสินค้าและอำนวยความสะดวกทางการค้า พ.ศ. 2566 คลิกที่นี่
3. เงื่อนไขการให้บริการออกหนังสือรับรองฯ
3.1 ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form TP ด้วยระบบ Digital Signature (DS) ต้องมารับฟอร์มให้แล้วเสร็จภายในวันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2566 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
3.2 กรมฯ จะปิดการใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าในวันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน 2566 เวลา 20.00 น. เพื่อปรับระบบฯ ให้รองรับการใช้งานด้วยระบบ ESS และจะเริ่มใช้งานระบบฯ ได้ในวันพุธที่ 15 พฤศจิกายน 2566 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
3.3 ไม่สามารถคัดลอก (Copy) Form TP จากระบบ DS มาใช้กับระบบ ESS ได้
3.4 พิกัดศุลกากรเปลี่ยนจาก HS 2007 เป็น HS 2017 ทั้งการออกหนังสือรับรองฯ และการตรวจต้นทุนสินค้า ดังนั้น กรณีสินค้าพิกัดฯ 25 - 97 หาก HS 2017 ไม่ต่างจาก HS 2007 (เดิม) และกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผู้ประกอบการสามารถใช้ผลตรวจต้นทุนเดิมได้จนกว่าจะหมดอายุ
3.5 ก่อนการใช้งานระบบ ESS ผู้ประกอบการต้องจดทะเบียนการใช้งานกับกรมฯ โดยสามารถศึกษาขั้นตอนการจดทะเบียนฯ คลิกที่นี่ ทั้งนี้ ผู้ที่เคยจดทะเบียนฯ เพื่อใช้งานกับฟอร์มที่ออกโดยระบบ ESS แล้ว ไม่ต้องดำเนินการใหม่
ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 27 ตุลาคม 2566
ประกาศ!!
ตามที่ได้แจ้งว่าเวียดนามเกิดปัญหาทางด้านเทคนิคทำให้ไม่สามารถรับข้อมูล e-Form D บางฉบับ ที่กรมการค้าต่างประเทศส่งผ่าน THNSW (Thai National Single Window) ระหว่างประเทศตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2566 เป็นต้นมา นั้น
ขณะนี้เวียดนามได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว โดยสามารถส่งข้อมูล e-Form D ได้ตามปกติ
จึงแจ้งมาเพื่อทราบ
ประกาศ ณ วันที่ 18 กันยนยน 2566
ประกาศ
การส่งข้อมูล e-Form D ผ่านระบบ ASW และแนวทางแก้ไขปัญหา
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4810 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 30 สิงหาคม 2564
ประกาศ ณ วันที่ 29 กันยายน 2565
ประกาศ !
สำนักงานเลขาธิการอาเซียน ได้จัดทำแบบสำรวจการใช้งานหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ATIGA e-Form D ผ่าน ASEAN Single Window (ASW) ประจำปี 2023 เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพ ASW ให้ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการ จึงขอความอนุเคราะห์ท่านตอบแบบสำรวจดังกล่าว ผ่านเว็บไซต์ด้านล่าง ภายในวันที่ 30 กันยายน 2566
https://www.surveymonkey.com/r/ASWTraderSurvey_2023
(กรุณาตอบแบบสอบถามผ่าน browsers : Chrome, Firefox, Safari, Microsoft Edge)
ขอขอบคุณในความร่วมมือ
ประกาศ ณ วันที่ 20 กรกฎาคม 2566
ประกาศ !! กำหนดการใช้งานระบบฯ Form RCEP สำหรับประเทศฟิลิปปินส์
ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) จะมีผลบังคับใช้สำหรับประเทศฟิลิปปินส์ ส่งผลให้ความตกลงฯ RCEP มีผลบังคับใช้กับทุกประเทศสมาชิกครบ 15 ประเทศแล้ว ภายใต้พิกัดภาษีศุลกากรของบัญชีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules: PSRs) ฉบับปี 2022 (HS 2022) โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก link ด้านล่าง
1. ตารางการลดภาษีนำเข้าของประเทศฟิลิปปินส์ ภายใต้พิกัดศุลกากร HS 2022 คลิกที่นี่
หมายเหตุ: ฟิลิปปินส์ ใช้ตารางรายการสินค้าตาม PSRs HS 2022 ดังนั้น ผู้ประกอบการควรตรวจสอบรายการสินค้าดังกล่าวกับประเทศปลายทางในการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรอีกทางหนึ่งด้วย
2. รายการสินค้าที่อยู่ใน Appendix ของประเทศฟิลิปปินส์ ที่มีการเปิดตลาดแตกต่างกัน (Tariff Differential: TD) คลิกที่นี่
3. ประกาศกรมการค้าต่างประเทศ เรื่อง การออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าตามความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค พ.ศ. 2566 คลิกที่นี่
4. เงื่อนไขการให้บริการ
4.1 ให้บริการด้วยระบบ Electronic Signature and Seal (ESS) เท่านั้น
4.2 ผู้ประกอบการสามารถคัดลอก (Copy) คำขอหรือเลขอ้างอิงเดิมของ Form RCEP ที่เคยใช้งานกับประเทศสมาชิกอื่นภายใต้ความตกลงฯ มาใช้กับฟิลิปปินส์ได้
4.3 ผู้ประกอบการสามารถยื่นคำขอตรวจคุณสมบัติของสินค้าทางด้านถิ่นกำเนิด (ตรวจต้นทุน) ของสินค้าพิกัดฯ 25-97 ผ่านระบบ Rovers ได้ตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 23 พฤษภาคม 2566
ประกาศ !
การใช้งาน ระบบ ESS สำหรับ Form E กรณีส่งออกไปมาเลเซีย
ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form E กรณีส่งออกไปมาเลเซีย จะใช้งานด้วยระบบ Electronic Signature and Seal (ESS) เท่านั้น
เงื่อนไขการให้บริการ
1.ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form E กรณีส่งออกไปมาเลเซีย ด้วยระบบ Digital Signature (DS) ไว้ก่อนแล้ว จะต้องมารับ Form E กรณีดังกล่าว ภายในวันพุธที่ 31 พฤษภาคม 2566 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
2.ไม่สามารถคัดลอก (Copy) Form E กรณีส่งออกไปมาเลเซีย จากระบบ DS มาใช้กับระบบ ESS ได้
3.ก่อนการใช้งานระบบ ESS ผู้ประกอบการต้องจดทะเบียนการใช้งานระบบ ESS กับกรมฯ โดยสามารถศึกษาขั้นตอนการจดทะเบียนฯ คลิกที่นี่ ทั้งนี้ ผู้ที่เคยจดทะเบียนฯ เพื่อใช้งานกับหนังสือรับรองฯ ประเภทอื่นๆ ที่ให้บริการด้วยระบบ ESS แล้ว ไม่ต้องดำเนินการใหม่
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2566
ประกาศ !
การใช้งานระบบฯ Form D ภายใต้พิกัดศุลกากร AHTN 2022
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) จะปรับโอนพิกัดศุลกากร จากฉบับปี 2017 (HS/AHTN 2017) เป็นฉบับปี 2022 (HS/AHTN 2022) โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก link ด้านล่าง
1. ตารางการลดภาษีนำเข้าของประเทศสมาชิก ภายใต้พิกัดศุลกากร AHTN 2022
- อินโดนีเซีย
- สปป.ลาว
- กัมพูชา
- เมียนมา
- มาเลเซีย
- สิงคโปร์
- ฟิลิปปินส์
- บรูไน
- เวียดนาม
2. เงื่อนไขการให้บริการออกหนังสือรับรองฯ
2.1 Version พิกัดศุลกากร เปลี่ยนจาก AHTN 2017 เป็น AHTN 2022 ทั้งในส่วนของการออกหนังสือรับรองฯ และการตรวจต้นทุนสินค้า กรณีสินค้าพิกัดฯ 25 – 97 หาก AHTN 2022 ไม่ต่างจาก AHTN 2017 (เดิม) และกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผู้ประกอบการสามารถใช้ผลตรวจต้นทุนเดิมได้จนกว่าจะหมดอายุ
2.2 ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form D ภายใต้ AHTN 2017 ไว้ก่อนแล้ว จะต้องมารับ Form D ภายในวันศุกร์ที่ 31 มีนาคม 2566 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
2.3 กรณีคัดลอก (Copy) คำขอหรือเลขอ้างอิงเดิมของ Form D จาก AHTN 2017 ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบพิกัดฯ ใหม่ก่อนยื่นขอ Form ทุกครั้ง โดยต้องใช้ AHTN 2022 เท่านั้น
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 15 มีนาคม 2566
ประกาศ !!
การขอ Form AANZ กรณี Subject of third-party invoice
ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป กรมฯ จะปรับการแสดงเลขที่ใบกำกับสินค้า (Invoice) ของ Form AANZ กรณี Subject of third-party invoice โดยผู้ส่งออกสามารถเลือกระบุเลขที่ Invoice ของผู้ผลิต(manufacturers) หรือผู้ส่งออก (exporters) หรือนายหน้า (traders) เลขใดเลขหนึ่งในช่องที่ 10 ของ Form AANZ ได้
ดังนั้น เพื่อให้การออกหนังสือรับรองฯ Form AANZ ในกรณีดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้ผู้ส่งออกศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม ดังนี้
1. เข้าใช้งานโปรแกรมทดสอบ (Demo) เพื่อเตรียมความพร้อมและทดสอบการใช้งานระบบดังกล่าวก่อนวันใช้งานจริงได้ที่ http://demoedi.dft.go.th หรือ คลิกที่นี่
2. รายละเอียดการเปลี่ยนแปลง คลิกที่นี่
เงื่อนไขการให้บริการ
1. ผู้ส่งออกที่ต้องการ Form AANZ ในกรณี Subject of third-party invoice ที่แสดงเลขที่ Invoice รูปแบบเดิม จะต้องมารับ Form AANZ ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2566 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
2. ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป คำขอหนังสือรับรองฯ Form AANZ กรณี Subject of third-party invoice ที่ยื่นเข้ามาในระบบการออกหนังสือรับรองฯ และอยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ รวมถึงคำขอฯ ที่ผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่แล้ว จะแสดงเลขที่ Invoice ในรูปแบบใหม่เท่านั้น
ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 10 มีนาคม 2566
ประกาศ !
การใช้งานระบบฯ Form AJ ภายใต้พิกัดศุลกากร HS 2017
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจอาเซียน – ญี่ปุ่น (AJCEP) จะปรับโอนพิกัดศุลกากรของกฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules : PSRs) จากพิกัดภาษีศุลกากร ฉบับปี 2002 (HS 2002) เป็นฉบับปี 2017 (HS 2017) โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก link ด้านล่าง
1. ตารางการลดภาษีนำเข้าของประเทศสมาชิก ภายใต้พิกัดศุลกากร HS 2017
- อินโดนีเซีย
- ฟิลิปปินส์
- สปป.ลาว
- เวียดนาม
- ญี่ปุ่น/ บรูไน/ กัมพูชา/ เมียนมา/ มาเลเซีย/ สิงคโปร์
หมายเหตุ : 1. ญี่ปุ่น/ บรูไน/ กัมพูชา/ เมียนมา/ มาเลเซีย/ สิงคโปร์ ใช้ตารางรายการสินค้าภายใต้ HS 2017
2. ผู้ประกอบการควรตรวจสอบรายการสินค้ากับประเทศปลายทางในการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรอีกทางหนึ่งด้วย
2. เงื่อนไขการให้บริการออกหนังสือรับรองฯ
2.1 Version พิกัดศุลกากร เปลี่ยนจาก HS 2002 เป็น HS 2017 ทั้งในส่วนของการออกหนังสือรับรองฯ และการตรวจต้นทุนสินค้า กรณีสินค้าพิกัดฯ 25 – 97 หาก HS 2017 ไม่ต่างจาก HS 2002 (เดิม) และกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผู้ประกอบการสามารถใช้ผลตรวจต้นทุนเดิมได้จนกว่าจะหมดอายุ
2.2 ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form AJ ภายใต้ HS 2002 ไว้ก่อนแล้ว จะต้องมารับ Form AJ ภายในวันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
2.3 กรณีคัดลอก (Copy) คำขอหรือเลขอ้างอิงเดิมของ Form AJ จาก HS 2002 ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบพิกัดฯ ใหม่ก่อนยื่นขอ Form ทุกครั้ง โดยต้องใช้ HS 2017 เท่านั้น
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2566
ประกาศ ! การขอ Form C/O ทั่วไป กรณีสินค้าเฝ้าระวัง
สำหรับการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป กรมฯ ได้ออกประกาศสินค้าเฝ้าระวัง (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 สำหรับการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ดังนั้น เพื่อให้การออกหนังสือรับรองฯ ดังกล่าวเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามประกาศกรมฯ จึงกำหนดแนวปฏิบัติในการขอหนังสือรับรองฯ Form C/O ทั่วไป ดังนี้
1. ผู้ส่งออกต้องตรวจสอบฉบับปี (Version) ของพิกัดศุลกากรสินค้าเฝ้าระวังตามประกาศกรมฯ กับประเทศผู้นำเข้า ก่อน การยื่นขอต้นทุนและหนังสือรับรองฯ ทุกครั้ง
2. ตามประกาศกรมฯ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2566 สินค้าเฝ้าระวังใช้พิกัดศุลกากรฉบับปี 2022 (HS 2022) ซึ่งเป็นไปตามองค์การการค้าโลก (World Trade Organization: WTO) แต่ในระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองฯ Form C/O ทั่วไป ใช้พิกัดฯ ฉบับปี 2017 (HS 2017) ดังนั้น ผู้ส่งออกสามารถตรวจสอบพิกัดฯ ของรายการสินค้าเฝ้าระวังที่มี Version ต่างกัน คลิกที่นี่
ประกาศ ณ วันที่ 26 มกราคม 2566
ประกาศ !!
กำหนดการใช้งานระบบฯ Form RCEP ใหม่ ภายใต้พิกัดศุลกากร HS 2022
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) จะมีการปรับโอนพิกัดศุลกากรของบัญชีกฎถิ่นกำเนิดสินค้าเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules: PSRs) จากพิกัดภาษีศุลกากร ฉบับปี 2012 (HS 2012) เป็นฉบับปี 2022 (HS 2022) โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก link ด้านล่าง
1. ตารางการลดภาษีนำเข้าของประเทศสมาชิก ภายใต้พิกัดศุลกากร HS 2022 (คลิกดูแต่ละประเทศ)
- จีน
- ญี่ปุ่น
- นิวซีแลนด์
- เกาหลีใต้
- ออสเตรเลีย
- เวียดนาม
- บรูไน / กัมพูชา / ลาว / สิงคโปร์ / มาเลเซีย / เมียนมา / อินโดนีเซีย
หมายเหตุ : 1. บรูไน / กัมพูชา / ลาว / สิงคโปร์ / มาเลเซีย / เมียนมา / อินโดนีเซีย ใช้ตารางรายการสินค้าตาม PSRs HS 2022 ดังนั้น ผู้ประกอบการควรตรวจสอบรายการสินค้าดังกล่าวกับประเทศปลายทางในการได้รับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรอีกทางหนึ่งด้วย
2. ฟิลิปปินส์ ยังไม่มีผลบังคับใช้ภายใต้ความตกลงฯ
2. รายละเอียดการเปลี่ยนแปลงความตกลงฯ
2.1 Form RCEP รูปแบบใหม่ (เปลี่ยนแปลง Overleaf note ด้านหลังของ Form) คลิกที่นี่ ทั้งนี้ กรมฯ มีช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) ของการใช้ Form RCEP รูปแบบเก่า ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 และให้เริ่มใช้ Form RCEP รูปแบบใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป คลิกที่นี่
2.2 เพิ่มประเทศอินโดนีเซีย มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2566 คลิกที่นี่
2.3 Version พิกัดศุลกากร เปลี่ยนจาก HS 2012 เป็น HS 2022 ทั้งในส่วนของการออกหนังสือรับรองฯ และการตรวจต้นทุนสินค้า ดังนั้น กรณีสินค้าพิกัดฯ 25 - 97 หาก HS 2022 ไม่ต่างจาก HS 2012 (เดิม) และกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ผู้ประกอบการสามารถใช้ผลตรวจต้นทุนเดิมได้จนกว่าจะหมดอายุ
3. เงื่อนไขการให้บริการออกหนังสือรับรองฯ
3.1 ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form RCEP ภายใต้ HS 2012 ต้องมารับ Form RCEP ภายในวันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2565 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
3.2 กรณีคัดลอก (Copy) คำขอหรือเลขอ้างอิงเดิมของ Form RCEP จาก HS 2012 ผู้ประกอบการต้องตรวจสอบพิกัดฯ ใหม่ก่อนยื่นขอ Form ทุกครั้ง โดยต้องใช้ HS 2022 เท่านั้น
3.3 วันพฤหัสบดีที่ 29 ธันวาคม 2565 เวลา 20.00 น. ปิดการใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อปรับระบบฯ Form RCEP และเริ่มเปิดใช้งานระบบฯ ในวันจันทร์ที่ 2 มกราคม 2566 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
ทั้งนี้ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 19 ธันวาคม 2565
ประกาศ
สำนักบริการการค้าต่างประเทศ กรมการค้าต่างประเทศ ขอแจ้งเงื่อนไขการให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า (หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า และ ใบอนุญาตและหนังสือรับรองการส่งออก-นำเข้าสินค้า) ทุกประเภท ดังนี้
กรณีคำขอผ่านการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่ให้ผู้รับบริการติดต่อหน่วยงานที่ให้บริการภายใน 7 วัน มิฉะนั้นคำขอจะถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติ
หากคำขอดังกล่าวถูกยกเลิกโดยอัตโนมัติแล้ว ผู้ประกอบการต้องยื่นคำขอเข้าระบบใหม่ทุกครั้ง
โดยการคัดลอก (Copy)หมายเลขอ้างอิงคำขอเดิม
หมายเหตุ
1. ภายใน 7 วัน หมายถึง นับทุกวันตามปีปฏิทิน โดยนับรวมวันทำการ วันหยุดราชการ วันหยุดนักขัตฤกษ์และวันหยุดกรณีพิเศษ
2. หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้ารูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ของ Form D (e-Form D) กรณีเลือกไม่พิมพ์หนังสือรับรองฯ และใบอนุญาตฯ รูปแบบไร้กระดาษ (Paperless) ผู้ประกอบการไม่ต้องติดต่อหน่วยงานให้บริการ
3. หน่วยงานให้บริการ หมายรวมถึง สำนักบริการการค้าต่างประเทศ 3 สาขา (ส่วนกลาง,ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และรัชดาภิเษก) และสำนักงานพาณิชย์จังหวัด (สพจ.) 14 จังหวัด ที่ให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก-นำเข้าสินค้า
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2565
ประกาศ!
กำหนดการใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองฯ Form D
และ Form D รูปแบบใหม่ ภายใต้ระเบียบปฏิบัติฯ ที่ปรับปรุงใหม่
ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement : ATIGA) จะบังคับใช้ระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (OCP) ที่ปรับปรุงใหม่ และหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form D รูปแบบใหม่ โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ดังนี้
- แนวปฏิบัติการออกหนังสือรับรองฯ Form D ที่มีการเปลี่ยนแปลง คลิกที่นี่
- หนังสือรับรองฯ Form D รูปแบบใหม่ คลิกที่นี่
- ระเบียบปฎิบัติเกี่ยวกับการรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (OCP) คลิกที่นี่
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 26 เมษายน 2565
ประกาศ ! กำหนดการใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองฯ Form RCEP ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
กรมฯ เปิดให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form RCEP ตามกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership Agreement: RCEP) ด้วยระบบลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature and Seal: ESS) ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถศึกษา กฎ ระเบียบและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องภายใต้ความตกลงฯ RCEP ได้จาก link ด้านล่าง นี้
1. รายการสินค้าที่อยู่ใน Appendix ของประเทศสมาชิก RCEP ที่มีการเปิดตลาดแตกต่างกัน (Tariff Differential: TD)
2. ข้อบทว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า (Rules of Origin) และระเบียบปฏิบัติในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Operational Certification Procedure: OCP)
3. กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า แบบ Product Specific Rule (PSR)
4. แนวปฏิบัติการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form RCEP
5. ตัวอย่างและคำอธิบายรายละเอียดช่องต่างๆ ของหนังสือรับรองฯ Form RCEP
6. Flowchart แนวทางการพิจารณา RCEP Country of Origins
7. แบบขอรับการตรวจคุณสมบัติของสินค้าทางด้านถิ่นกำเนิดภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) สินค้าพิกัดอัตราศุลกากรตอนที่ 01-24
8. หนังสือแจ้งความประสงค์การระบุชื่อประเทศภายใต้ความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)
9. VDO การสัมมนา เรื่อง “สิทธิประโยชน์ทางการค้า RCEP กับโอกาสทางการค้าการลงทุน” เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2564 คลิกที่นี่ หรือ Youtube
10. คู่มือการกรอกคำขอหนังสือรับรองฯ Form RCEP (ระบบ ESS)
11. แนวปฏิบัติการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form RCEP (สำหรับผู้ประกอบการ) กรณี การส่งออก-นำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา คลิกที่นี่
ก่อนการใช้งานระบบ ESS ผู้ประกอบการต้องจดทะเบียนการใช้งานกับกรมฯ โดยสามารถศึกษาขั้นตอนการจดทะเบียนฯ คลิกที่นี่ ทั้งนี้ ผู้ที่เคยจดทะเบียนฯ เพื่อใช้งานกับฟอร์ม 10 ประเภทแล้ว (Form JTEPA, Form FTA (Thai-Australia), Form AANZ, Form AJ, Form AK, Form AHK, Form D, Form C/O ทั่วไป, Form TC และ Form E) ไม่ต้องดำเนินการใหม่
ทั้งนี้ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4829 (การจดทะเบียนใช้งาน ESS), 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 21 ธันวาคม 2564 (ปรับปรุงวันที่ 28 เมษายน 2565)
ประกาศ! กำหนดการใช้งาน Port of Discharge ที่ปรับปรุงเพิ่มเติม
ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2565 เป็นต้นไป กรมฯ ปรับปรุง Port of Discharge สำหรับส่งออกไปประเทศเมียนมา และอินโดนีเซีย ในระบบการออกหนังสือรับรองฯ Form D เพื่อรองรับการใช้งาน e-Form D ให้เป็นปัจจุบัน ดังนี้
- ประเทศเมียนมา : เพิ่ม 6 ท่าเทียบสินค้า ได้แก่ Myawadi (MMMWD), Tachilek (MMTHL), Myeik (MMMGZ), Kawthaung (MMKAW), Dawe (MMTVY), Loikaw (MMLIW)
- ประเทศอินโดนีเซีย : เพิ่ม 1 ท่าเทียบสินค้า ได้แก่ Patimban (IDPMB)
รายละเอียดตาม link ด้านล่าง
- การยื่นผ่านระบบ Digital Signature รูปแบบ File XML สามารถศึกษา Schema Port of Discharge ของ Form D ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป (ติดต่อสอบถามทาง email : prayut@nti.co.th)
- วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน 2565 เวลา 20.00 น. ปิดการใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อปรับระบบฯ Form D และเริ่มใช้งานได้ในวันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 เวลา 8.30 น. เป็นต้นไป
- สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 11 มีนาคม 2565
ประกาศ ! กำหนดการใช้งานระบบฯ Form AHK ที่มีการกำหนดแนวปฏิบัติเพิ่มเติมในการออกหนังสือรับรองฯ
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 เป็นต้นไป ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน - ฮ่องกง (ASEAN – Hong Kong, China Free Trade Agreement : AHKFTA) จะมีการกำหนดแนวปฏิบัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองฯ Form AHK
จึงขอให้ผู้ประกอบการดำเนินการ ดังนี้
- ศึกษาแนวปฏิบัติที่มีการกำหนดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองฯ Form AHK คลิกที่นี่
- ไม่สามารถคัดลอก (Copy) คำขอ Form AHK จากระบบฯเดิม มาใช้กับระบบฯ ใหม่ได้
- เริ่มใช้ งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองฯ Form AHK ที่มีการกำหนดแนวปฏิบัติเพิ่มเติม ในวันอังคารที่ 1 มีนาคม 2565 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
- สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565
ประกาศ ! กำหนดการใช้งานระบบฯ Form JTEPA ใหม่ ภายใต้พิกัดศุลกากร HS 2017
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป ความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่นสำหรับความเป็นหุ้นส่วนเศรษฐกิจ (Japan-Thailand Economic Partnership Agreement – JTEPA) จะมีการปรับเปลี่ยนการบังคับใช้กฎถิ่นกำเนิดเฉพาะรายสินค้า (Product Specific Rules : PSRs) จากพิกัดภาษีศุลกากร ฉบับปี 2002 (HS 2002) เป็นฉบับปี 2017 (HS 2017) โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก link
- แนวปฏิบัติการออกหนังสือรับรองฯ Form JTEPA ที่มีการเปลี่ยนแปลง คลิกที่นี่
- กรณีสินค้าพิกัดฯ 25 - 97 : หาก HS 2017 ไม่ต่างจาก HS 2002 (เดิม) สามารถใช้ผลตรวจต้นทุนเดิมได้จนกว่าจะหมดอายุ
- แบบขอรับการตรวจคุณสมบัติของสินค้าทางด้านถิ่นกำเนิดภายใต้ความตกลงระหว่างราชอาณาจักรไทยและญี่ปุ่น สำหรับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ สินค้าพิกัดอัตราศุลกากรตอนที่ 01-24 ฉบับใหม่ (แบบต้นทุน 01-24 ของ Form JTEPA) คลิกที่นี่
- ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form JTEPA ภายใต้ HS 2002 ต้องมารับ Form JTEPA ภายในวันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม 2564 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
- สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน2564
ประกาศ ! กำหนดเริ่มการใช้งาน ระบบ ESS สำหรับ Form AK, AJ และ AANZ กรณีส่งออกไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน และนิวซีแลนด์ ตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
กรมฯ จะ ปิด ระบบ Digital Signature (DS) สำหรับการยื่นขอ Form AK, AJ และ AANZ กรณีการส่งออกไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน และนิวซีแลนด์ ในวันที่ 4 ตุลาคม 2564 โดยเปิดให้บริการด้วยระบบ Electronic Signature and Seal (ESS) เท่านั้น
จึงขอให้ผู้ประกอบการดำเนินการ ดังนี้
- ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form ทั้ง 3 ประเภทดังกล่าวข้างต้น ด้วยระบบ DS ต้องมารับฟอร์มให้แล้วเสร็จภายในวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม 2564 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
- วันอาทิตย์ที่ 3 ตุลาคม 2564 เวลา 20.00 น. ปิด การใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อปรับระบบฯ Form AK, AJ และ AANZ กรณีส่งออกไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน และนิวซีแลนด์ ให้รองรับการใช้งานด้วยระบบ ESS และเริ่มใช้งานระบบฯ ได้ในวันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม 2564 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
- การยื่นขอหนังสือรับรองฯ ด้วยรูปแบบของไฟล์ XML สามารถดาวน์โหลดไฟล์ Schema Form AK, AJ และ AANZ กรณีส่งออกไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน และนิวซีแลนด์ ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2564 เป็นต้นไป คลิกที่นี่ (ติดต่อสอบถามทาง email: prayut@nti.co.th)
- ไม่สามารถคัดลอก (Copy) Form AK, AJ และ AANZ กรณีส่งออกไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน และนิวซีแลนด์ จากระบบ DS มาใช้กับระบบ ESS ได้
- ก่อนการใช้งานระบบ ESS ผู้ประกอบการต้องจดทะเบียนการใช้งานกับกรมฯ โดยสามารถศึกษาขั้นตอนการจดทะเบียนฯ คลิกที่นี่ ทั้งนี้ ผู้ที่เคยจดทะเบียนฯ เพื่อใช้งานกับฟอร์ม 10 ประเภทแล้ว (Form JTEPA, Form FTA (Thai-Australia), Form AANZ, Form AJ, Form AK, Form AHK, Form D, Form C/O ทั่วไป, Form TC และ Form E) ไม่ต้องดำเนินการใหม่
- สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4829 (การจดทะเบียนใช้งาน ESS), 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 13 กันยายน 2564
ประกาศ!
การเพิกถอนสิทธิฯ GSP (Form A) ของสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย
ตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป ประเทศไทยจะถูกเพิกถอนสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences : GSP) จากสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย (Eurasian Economic Union : EAEU) ซึ่งมีประเทศสมาชิก 5 ประเทศ ได้แก่ สหพันธรัฐรัสเซีย สาธารณรัฐเบลารุส สาธารณรัฐคาซัคสถาน สาธารณรัฐอาร์เมเนีย และสาธารณรัฐคีร์กีซ เนื่องจากปัจจุบันไทยเป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มรายได้ ปานกลางระดับสูง (upper-middle income country) ตามหลักเกณฑ์การให้สิทธิฯ GSP ของ EAEU ที่ให้กับประเทศกำลังพัฒนา โดยผู้ประกอบการต้องดำเนินการภายในระยะเวลา และเกณฑ์ในการให้สิทธิฯ ดังนี้
1. สินค้าจะต้องเดินทางถึง/นำเข้าประเทศปลายทาง (Arrival Date) ภายในวันที่ 11 ตุลาคม 2564 เป็นวันสุดท้าย
2. หากสินค้าเดินทางถึงประเทศปลายทางภายในวันที่ 11 ตุลาคม 2564 แต่ยังไม่มีหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form A ไปแสดง ณ ขณะนำเข้า ผู้ประกอบการสามารถขอสงวนสิทธิโดยจ่ายภาษี MFN Rate ไว้ และนำ Form A ไปแสดงเพื่อขอคืนภาษีตามสิทธิฯ GSP ภายใน 12 เดือนนับจากวันที่นำเข้า โดยการขอ Form A ในกรณีดังกล่าวข้างต้น ผู้ประกอบการทำหนังสือชี้แจง พร้อมแสดงเอกสารหลักฐานการนำเข้าที่พิสูจน์ได้ว่าสินค้าเดินทางไปถึงประเทศปลายทาง (Arrival Date) และมีการผ่านพิธีการศุลกากรได้ทันตามเงื่อนไขเวลาที่กำหนดประกอบการยื่นขอหนังสือรับรองฯ ด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564 (ปรับปรุง วันที่ 1 ตุลาคม 2564)
ประกาศ!
กรมศุลกากรได้กำหนดมาตรการทางศุลกากรเพิ่มเติม เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้แก่ 1.การลดเงินเพิ่มเหลือร้อยละ 0.25 ต่อเดือนของอากรที่ต้องเสียหรือเสียเพิ่ม 2.การงดเบี้ยปรับ 3.การเพิ่มเติมประเภทหลักประกันในการขอทุเลาการเสียอากร 4.การลงทะเบียนผ่านระบบทะเบียนผู้มาติดต่อออนไลน์ทาง Customs Trader Portal รายละเอียด คลิกที่นี่
ประกาศ ณ วันที่ 3 สิงหาคม 2564
ประกาศ
สืบเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ และในประเทศไทย ได้มีแนวโน้มความรุนแรง และมีการแพร่กระจายของโรคไปยังหลายพื้นที่เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเพื่อให้การติดต่อระหว่างศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารกับผู้ประกอบการเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเหมาะสมกับสถานการณ์การที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจึงได้มีการปรับเปลี่ยนขั้นตอนการปฏิบัติติงานของเจ้าหน้าที่ โดยให้ผู้ประกอบการสามารถแจ้งปัญหาการใช้งานระบบบริการฯ ซึ่งประกอบด้วย ระบบลงทะเบียนผู้ประกอบการ ระบบบริการออกใบอนุญาตและหนังสือรับรองการส่งออก-นำเข้าสินค้า และ ระบบบริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ได้ผ่านช่องทางดังต่อไปนี้
1. รับแจ้งปัญหาการใช้งานระบบบริการของผู้ประกอบการทางเว็บไซต์ helpdesk.dft.go.th
2. สายด่วน 1385 โดยจะมีการโอนสายไปให้เจ้าหน้าศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อตอบข้อซักถามของผู้ประกอบการ
ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป หากมีการเปลี่ยนแปลงจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง และขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้
ประกาศ ณ วันที่ 28 กรกฎาคม 2564
ประกาศ
7 แนวทางการให้บริการของสำนักบริการการค้าต่างประเทศ
ช่วง COVID – 19 ระลอก 4
ทั้งนี้ สามารถศึกษาแนวทางการส่งคำขอ - รับบัตรประจำตัวผู้ส่งออกฯ / การติดต่อเจ้าหน้าที่งานทะเบียนฯ ของกรมการค้าต่างประเทศ แบบ No Visit โดย คลิกที่นี่
ประกาศ ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2564
ประกาศ
เพื่ออำนวยความสะดวกในการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (FORM C/O)
กรมฯ ได้พัฒนาระบบการบันทึกข้อมูลยินยอมให้ใช้ผลตรวจคุณสมบัติทางด้านถิ่นกำเนิดสินค้า (ต้นทุน) ของผู้ผลิต เพื่อแทนการออกหนังสือบริษัทผู้ผลิตในการยินยอมให้ผู้ส่งออกใช้ต้นทุนร่วมกับตน โดยกรมฯ กำหนดแผนงานดังนี้
1. ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป เปิดให้บริการระบบการบันทึกข้อมูลยินยอมฯ ดังกล่าว และขอเชิญชวนให้ผู้ผลิตสินค้า (เฉพาะพิกัดศุลกากรที่ 25 - 97) ที่ได้มีการยินยอมให้ผู้ส่งออกใช้ต้นทุนร่วมของตน เข้าใช้งานระบบดังกล่าวนี้ ก่อนการเชื่อมโยงข้อมูลจากระบบฯ นี้กับระบบออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form C/O)
2. ตั้งแต่วันพุธที่ 5 มกราคม 2565 เป็นต้นไป เปิดการเชื่อมโยงข้อมูลการยินยอมให้ใช้ต้นทุนร่วมฯ กับระบบออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form C/O) พร้อมทั้งยกเลิกการแนบหนังสือบริษัทผู้ผลิตที่แจ้งความยินยอมให้บริษัทผู้ส่งออกใช้ต้นทุนร่วมกับตน ในการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (Form C/O)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02 547 4830 หรือ 02 547 4838 หรือ สายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2564
ประชาสัมพันธ์เบอร์ติดต่อเจ้าหน้าที่
ประกาศ ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2564
ประกาศ !
กำหนดเริ่มการใช้งาน ระบบ ESS สำหรับ Form TC (Thai-Chile)ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2564 และ Form E (กรณีส่งออกไปประเทศจีน) ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564
กรมฯ จะ ปิด ระบบ Digital Signature (DS) สำหรับการยื่นขอ Form TC และ Form E (กรณีส่งออกไปประเทศจีน) ในวันที่ 15 มิถุนายน 2564 และวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ตามลำดับ โดย เปิด ให้บริการด้วยระบบ Electronic Signature and Seal (ESS) เท่านั้น
จึงขอให้ผู้ประกอบการดำเนินการ ดังนี้
Form TC
ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form TC ด้วยระบบ DS ต้องมารับฟอร์มให้แล้วเสร็จภายในวันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน 2564 เวลา 20.00 น. ปิด การใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อปรับระบบฯ Form TC ให้รองรับการใช้งานด้วยระบบ ESS และ เริ่มใช้งานระบบฯ ได้ในวันอังคารที่ 15 มิถุนายน 2564 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
Form E (กรณีส่งออกไปประเทศจีน)
ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form E (กรณีส่งออกไปประเทศจีน) ด้วยระบบ DS ต้องมารับฟอร์มให้แล้วเสร็จภายในวันพุธที่ 30 มิถุนายน 2564 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
วันพุธที่ 30 มิถุนายน 2564 เวลา 20.00 น. ปิด การใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อปรับระบบฯ Form E (กรณีส่งออกไปประเทศจีน) ให้รองรับการใช้งานด้วยระบบ ESS และ เริ่มใช้งานระบบฯ ได้ในวันพฤหัสบดีที่ 1 กรกฎาคม 2564 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
VDO การอบรมผ่านระบบ ZOOM "เรื่องกรอกฟอร์ม E ด้วยระบบ ESS อย่างไรให้ถูกต้อง จัดเมือ่วันที่ 10 มิถุนายน 2564
- การยื่นขอหนังสือรับรองฯ ด้วยรูปแบบของไฟล์ XML สามารถดาวน์โหลดไฟล์ Schema Form TC และ Form E ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป คลิกที่นี่ (ติดต่อสอบถามทาง email: prayut@nti.co.th)
- ไม่สามารถคัดลอก (Copy) Form TC และ Form E (กรณีส่งออกไปประเทศจีน) จากระบบ DS มาใช้กับระบบ ESS ได้
- ก่อนการใช้งานระบบ ESS ผู้ประกอบการต้องจดทะเบียนการใช้งานกับกรมฯ โดยสามารถศึกษาขั้นตอนการจดทะเบียนฯ คลิกที่นี่ ทั้งนี้ ผู้ที่เคยจดทะเบียนฯ เพื่อใช้งานกับฟอร์ม 8 ประเภทแล้ว (Form JTEPA, Form FTA (Thai-Australia), Form AANZ, Form AJ, Form AK, Form AHK, Form D และ Form C/O ทั่วไป) ไม่ต้องดำเนินการใหม่
- สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4829 (การจดทะเบียนใช้งาน ESS), 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 2 มิถุนายน 2564
ประกาศ
ด้วยกรมการค้าต่างประเทศ อยู่ระหว่างพัฒนาระบบข้อมูลบันทึกการยินยอมให้ใช้ต้นทุน (ผู้ผลิต) สำหรับให้ผู้ผลิตสินค้ากรอกข้อมูลแสดงการยินยอมให้ผู้ส่งออกร่วมใช้ผลตรวจต้นทุนฯ ในการประกอบการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า สินค้าพิกัดศุลกากร 25 – 97 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ทดแทนการออกหนังสือบริษัทฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ประกอบการ
เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนกำหนดวันใช้งานจริง ผู้ประกอบการสามารถเข้าร่วมทดสอบการใช้งานระบบดังกล่าว ผ่านโปรแกรมทดสอบ (Demo) ได้ที่ http://demoedi.dft.go.th/Default.aspx?tabid=109 หรือ คลิกที่นี่
สอบถามเพิ่มเติม หรือ แจ้งผลการทดสอบระบบฯ ได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 547 4830, 02 547 4838 หรือ 02 547 4810
ประกาศ ณ วันที่ 19 พฤษภาคม 2564
ประกาศ ! กำหนดการให้บริการออก Form TC (FTA Thai - Chile) และ Form E (ASEAN - China) เฉพาะส่งออกไปประเทศจีน ด้วยระบบ ESS
ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2564 และ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เป็นต้นไป กรมฯ จะ ยกเลิก การใช้ระบบ Digital Signature (DS) สำหรับการยื่นขอ Form TC และ Form E ตามลำดับ และ เปิด ให้บริการด้วยระบบ Electronic Signature and Seal (ESS) เท่านั้น
ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมในการขอรับบริการฯ ดังกล่าว จึงขอให้ผู้ประกอบการดำเนินการจดทะเบียนการใช้งานระบบ ESS กับกรมฯ เป็นลำดับแรก โดยสามารถศึกษาขั้นตอนการจดทะเบียนฯ คลิกที่นี่่
ทั้งนี้ ผู้ที่เคยจดทะเบียนฯ กับกรมฯ เพื่อใช้งานกับฟอร์ม 8 ประเภทดังต่อไปนี้ Form JTEPA, Form FTA (Thai-Australia), Form AANZ, Form AJ, Form AK, Form AHK, Form D และ Form C/O ทั่วไป ไม่ต้องดำเนินการใหม่
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4829, 0 2547 4838, 0 2547 4810 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 12 พฤษภาคม 2564
ประกาศ !
ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2564 เป็นต้นไป ตราประทับที่แสดงบน Form D รูปแบบกระดาษที่ออกจากหน่วยงานกรมการค้าต่างประเทศ ส่วนกลาง จังหวัดนนทบุรี จะเป็น “Nonthaburi” เพื่อให้สอดคล้องกับการแสดงข้อมูลของ e-Form D
** เมียนมา ได้แก้ไขปัญหาระบบ e-Form D ให้สามารถใช้งานได้เป็นปกติแล้ว ดังนั้น ผู้นำเข้าจึงใช้ e-Form D ในการขอรับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรได้ดังเดิม **
ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 29 เมษายน 2564 (ปรับปรุง วันที่ 3 พฤษภาคม 2564)
ประกาศ !!
แนวปฏิบัติในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form E สำหรับสินค้าผลไม้
ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2564 เป็นต้นไป กรมฯ ได้กำหนด แนวปฏิบัติในการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form E สำหรับสินค้าผลไม้ 12 รายการ เนื่องจากสินค้าดังกล่าว อยู่ในบัญชีสินค้าที่ต้องเฝ้าระวัง (WATCH-LIST) โดยกำหนดให้ผู้ยื่นขอหนังสือรับรองฯ Form E แสดงเอกสารประกอบการพิจารณา ดังนี้
1. ใบกำกับสินค้า (Invoice)
2. ใบตราส่งสินค้าประเภทต่าง ๆ (B/L, AWB, Truck Bill ฯลฯ)
3. แบบขอรับการตรวจคุณสมบัติของสินค้าทางด้านถิ่นกำเนิดเพื่อขอใช้สิทธิพิเศษทางด้านภาษีศุลกากร (สินค้าพิกัดศุลกากรตอนที่ 01-24) โดยระบุข้อมูลเพิ่มเติม ดังนี้ 1) ข้อความยืนยันแหล่งที่มาของสินค้าในประเทศที่ขอรับหนังสือรับรองฯ 2) วันที่ส่งออก 3) ด่านที่ส่งออกของไทย 4) ประเภทยานพาหนะ และ 5) ชื่อยานพาหนะ ตัวอย่างการกรอกข้อมูลและดาวน์โหลดแบบฟอร์ม คลิกที่นี่
4. หนังสือรับรองว่าเป็นสินค้าที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทยและผลิตถูกต้องตามหลักเกณฑ์การผลิตภายใต้กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าของประเทศผู้ให้สิทธิ (หนังสือรับรองกรมฯ) ดาวน์โหลด คลิกที่นี่
5. เอกสารหลักฐานอื่นที่แสดงการได้มาซึ่งวัตถุดิบ/สินค้า ที่สามารถตรวจสอบและเชื่อถือได้ อาทิ ใบเสร็จซื้อขาย เป็นต้น รายละเอียด คลิกที่นี่
ทั้งนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 5 เมษายน 2564
ประกาศ !!
การขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าล่วงหน้า
ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป กรมฯ ได้กำหนดแนวปฏิบัติในการขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ทุกประเภท โดยผู้ยื่นขอหนังสือรับรองฯ สามารถขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าล่วงหน้าก่อนวันรับบรรทุกสินค้าเพื่อส่งออก (On Board date) จากเดิม 3 วันทำการ เป็น 5 วันทำการ สำหรับการส่งออกไปยังทุกประเทศ
ทั้งนี้ กรณี Form C/O ทั่วไป ส่งออกไปประเทศบราซิล ยังคงสามารถขอล่วงหน้าได้ 20 วัน และ Form D ส่งออกไปประเทศกัมพูชา ขอล่วงหน้าได้ 15 วัน ดังเดิม
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 11 มกราคม 2564
ประกาศ
กรมฯ ขอแจ้งแนวปฏิบัติในการขอ Form D ดังนี้
กรณีด่านศุลกากรประเทศผู้นำเข้าไม่พบข้อมูล e-Form D ทั้งที่สถานะเป็น "กรมศุลกากรปลายทางได้รับข้อมูลแล้ว" ขอให้ผู้นำเข้าติดต่อผ่านช่องทางข้างล่างนี้
ASEAN HELPDESK CALLCENTER
ประกาศ ณ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2563
ประกาศ ! กำหนดการใช้งาน Form C/O ทั่วไป ด้วยระบบ ESS
ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป กรมฯ จะปิดระบบ Digital Signature (DS) สำหรับการยื่นขอ Form C/O ทั่วไป และให้บริการด้วยระบบ Electronic Signature and Seal (ESS)
ผู้ประกอบการดำเนินการ ดังนี้
- ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form C/O ทั่วไป ด้วยระบบ DS ต้องมารับฟอร์มให้แล้วเสร็จภายในวันพุธที่ 30 ธันวาคม 2563 ก่อนเวลา 16.00 น.
- วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม 2563 เวลา 08.30 น. ปิดการใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อปรับระบบฯ Form C/O ทั่วไป ให้รองรับการใช้งานด้วยระบบ ESS และเริ่มใช้งานระบบฯ ได้ในวันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2564 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
- การยื่น Form C/O ทั่วไป ด้วยรูปแบบของไฟล์ XML สามารถดาวน์โหลดไฟล์ Schema Form C/O ทั่วไป ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ คลิกที่นี่ ตั้งแต่วันอังคารที่ 1 ธันวาคม 2563 เป็นต้นไป (ติดต่อสอบถามทาง email: prayut@nti.co.th)
- ไม่สามารถคัดลอก (Copy) Form C/O ทั่วไป จากระบบ DS มาใช้กับระบบ ESS ได้
- ก่อนการใช้งานระบบ ESS ผู้ประกอบการต้องจดทะเบียนการใช้งานกับกรมฯ โดยสามารถศึกษาขั้นตอนการจดทะเบียนฯ คลิกที่นี่
- ทั้งนี้ ผู้ที่เคยจดทะเบียนฯ เพื่อใช้งานกับฟอร์ม 7 ประเภทแล้ว (Form JTEPA, Form FTA (Thai-Australia), Form AANZ, Form AJ, Form AK, Form AHK และ Form D) ไม่ต้องดำเนินการใหม่
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4810 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 22 ตุลาคม 2563
ประกาศ ! กำหนดการใช้งาน Form D ด้วยระบบ ESS
ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2563 เป็นต้นไป กรมฯ จะปิดระบบ Digital Signature (DS) สำหรับการยื่นขอ Form D (ATIGA) และให้บริการด้วยระบบ Electronic Signature and Seal (ESS) เพื่อรองรับระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือรับรองฯ (OCP) ที่ปรับปรุงใหม่
ผู้ประกอบการจะต้องดำเนินการ ดังนี้
- ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form D ด้วยระบบ DS ต้องมารับฟอร์มให้แล้วเสร็จภายในวันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2563 ก่อนเวลา 16.00 น.
- วันเสาร์ที่ 19 กันยายน 2563 เวลา 20.00 น. ปิดการใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้าเพื่อปรับระบบฯ Form D ให้รองรับการใช้งานด้วยระบบ ESS และเริ่มใช้งานระบบฯ ได้ ในวันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน 2563 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
- การยื่น Form D ด้วยรูปแบบของไฟล์ XML สามารถดาวน์โหลดไฟล์ Schema Form D ที่มีการเปลี่ยนแปลง คลิกที่นี่ (ติดต่อสอบถามทาง email: prayut@nti.co.th)
- ไม่สามารถคัดลอก (Copy) Form D จากระบบ DS มาใช้กับระบบ ESS ได้
- ก่อนการใช้งานระบบ ESS ผู้ประกอบการต้องจดทะเบียนการใช้งานกับกรมฯ โดยสามารถศึกษาขั้นตอนการจดทะเบียนฯ คลิกที่นี่
- ทั้งนี้ ผู้ที่เคยจดทะเบียนฯ เพื่อใช้งานกับฟอร์ม 6 ประเภทแล้ว (Form JTEPA, Form FTA (Thai-Australia), Form AANZ, Form AJ, Form AK และ Form AHK) ไม่ต้องดำเนินการใหม่
- ศึกษาแนวปฏิบัติการใช้งานระบบฯ Form D ภายใต้ OCP ที่ปรับปรุงใหม่ คลิกที่นี่
- สามารถทดสอบการใช้งาน Form D ด้วยระบบ ESS ผ่านโปรแกรมทดสอบ (Demo) ได้ทางเว็บไซต์ http://demoedi.dft.go.th หรือ คลิกที่นี่
- สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และ สายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 8 กันยายน 2563
ประกาศ ! กำหนดการใช้งานพิกัดศุลกากร HS 2017 ของ Form E สำหรับเวียดนาม
ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2563 เป็นต้นไป การออกหนังสือรับรองฯ Form E สำหรับส่งออกไปเวียดนามกำหนดใช้พิกัดศุลกากรฉบับปี 2017 (HS 2017) ทั้งนี้ หาก HS 2017 ไม่ต่างจาก HS 2012 (เดิม) และกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสามารถใช้ผลต้นทุนเดิมได้จนกว่าจะหมดอายุ โดยศึกษา HS 2017 ของเวียดนามก่อนใช้งานจริง คลิกที่นี่
- ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form E ไปเวียดนาม ภายใต้ HS 2012 ต้องมารับ Form E ภายในวันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม 2563 ก่อนเวลา 16.00 น.
- วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม 2563 เวลา 20.00 น. ปิดการใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อปรับระบบฯ Form E ให้รองรับ HS 2017 สำหรับเวียดนาม และเริ่มใช้งานระบบฯ ในวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
- สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2563
ประกาศ
ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2563 เป็นต้นไป กรมฯ ยกเลิกการให้บริการออกหนังสือสำคัญการส่งออก – นำเข้าสินค้า (ใบอนุญาตฯ/หนังสือรับรองการส่งออก - นำเข้าสินค้า และหรือ หนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ด้วยระบบ EDI ทั้งหมด โดยจะให้บริการด้วยระบบ Digital Signature แทน ขอให้ดำเนินการดังนี้
1. วันพุธที่ 30 กันยายน 2563 เวลา 20.00 น. ปิดการใช้งานระบบการให้บริการออกใบอนุญาตฯ/หนังสือรับรองการส่งออก - นำเข้าสินค้า และระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ดังนั้น หากผู้ประกอบการที่ยื่นขอรับหนังสือสำคัญฯ ด้วยระบบ EDI ไว้ ขอให้มารับหนังสือสำคัญฯ ดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายในวันพุธที่ 30 กันยายน 2563 เวลา 16.30 น.
2. ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม 2563 เวลา 8.00 น. กรมฯ เปิดใช้งานระบบการให้บริการออกใบอนุญาตฯ / ระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า ด้วยลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) แทน
ดังนั้น ขอให้ผู้ประกอบการจัดเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ให้พร้อมใช้งานกับระบบดังกล่าวฯ มิเช่นนั้น ท่านจะไม่สามารถยื่นขอหนังสือสำคัญฯ ได้ ในระหว่างนี้ ถ้าบริษัทใดพร้อมใช้งานระบบ Digital Signature ท่านสามารถยื่นขอหนังสือสำคัญฯ ด้วยระบบ Digital Signature ได้ทันที ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษาขั้นตอนการดำเนินการสำหรับรองรับการใช้งานระบบลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) ได้โดยดาวน์โหลดที่นี่ หรือ คลิก Link ที่นี่
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-547-4756 หรือ 02-547-4827-8 หรือ 02-547-4831 หรือ 02-547-4830 หรือ 02-547-4838 และสายด่วน 1385”
ประกาศ ณ วันที่ 27 สิงหาคม 2563
ประกาศ ! การยื่นคำขอจดทะเบียน ESS แบบไร้กระดาษ
ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นไป กรมฯ ยกระดับการให้บริการยื่นคำขอจดทะเบียนการลงลายมือชื่อและตราประทับอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Signature and Seal : ESS) เป็นแบบไร้กระดาษ (Paperless) โดยหลังจากผู้ประกอบการยื่นคำขอจดทะเบียนฯ ในระบบลงทะเบียนผู้ประกอบการแล้ว เจ้าหน้าที่จะพิจารณาอนุมัติในระบบฯ โดยผู้ประกอบการไม่ต้องนำคำขอฯ รูปแบบกระดาษมายื่น ณ หน่วยงานให้บริการอีกต่อไป
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4829, 0 2547 4837, 0 2547 4830 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2563
ประกาศ ! การแสดงพิกัดศุลกากร Form C/O ทั่วไป
ตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการที่ขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไป ให้กรอกพิกัดศุลกากรในคำขอ ระดับ 8 หลัก ส่วนผู้ประกอบการที่ต้องการแสดง HS Code บนหนังสือรับรองฯ Form C/O ทั่วไป จะแสดงพิกัดศุลกากรในระดับ 6 หลัก
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838
ประกาศ ณ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2563
ประกาศ !
ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2563 เป็นต้นไป ไทยเข้าร่วมการแลกเปลี่ยนข้อมูล e-Form D กับเมียนมา สปป.ลาว และฟิลิปปินส์
- เพื่อความสะดวกในการขอใช้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรของ ผู้นำเข้า ในระยะแรกขอให้ผู้ประกอบการใช้ Form D กระดาษ ควบคู่ไปกับการใช้ e-Form D จนกว่าศุลกากรประเทศปลายทางไม่พบปัญหาใดๆ จากการใช้ e-Form D
- ทั้งนี้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830,0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 22 มกราคม 2563
ประกาศ
ตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม 2563 เป็นต้นไป เมียนมา และสปป.ลาว สามารถใช้ e-Form D ได้เช่นเดียวกับ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม บรูไน และกัมพูชา
ทั้งนี้สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 8 มกราคม 2563
ประกาศ ! กำหนดการใช้งานพิกัดศุลกากร HS 2017
ของ Form C/O ทั่วไป
ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป การออกหนังสือรับรองฯ Form C/O ทั่วไป กำหนดให้ใช้พิกัดศุลกากรฉบับปี 2017 (HS 2017) โดยผู้ประกอบการสามารถศึกษา HS 2017 ภายใต้ Form C/O ทั่วไป โดย คลิกที่นี่
วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2562 เวลา 20.00 น. ปิดการใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อปรับระบบฯ Form C/O ทั่วไป และเริ่มใช้งานระบบฯ ได้ในวันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม 2562 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 18 ตุลาคม 2562
ประกาศ ! กำหนดการใช้งานระบบฯ Form E ใหม่ ภายใต้พิกัดศุลกากร HS 2017
ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2562 เป็นต้นไป การออกหนังสือรับรองฯ Form E ตามความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน (ACFTA) กรมฯ ได้ปรับระบบฯ ให้รองรับพิกัดศุลกากรฉบับปี 2017 (HS 2017) (ยกเว้นเวียดนามยังคงใช้ HS 2012) ทั้งนี้ หาก HS 2017 ไม่ต่างจาก HS 2012 (เดิม) และกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมสามารถใช้ผลต้นทุนเดิมได้จนกว่าจะหมดอายุ โดยศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จาก link ด้านล่าง
- ตารางการลดภาษีนำเข้าของแต่ละประเทศสมาชิก
- จีน
- ฟิลิปปินส์
- มาเลเซีย
- บรูไน
- สิงคโปร์
- อินโดนีเซีย
- กัมพูชา
- เมียนมา
- ลาว
- ระเบียบปฏิบัติฯ (Operational Certification Procedure)
- กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า(Rules of Origin)
- (กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า แบบ Product Specific Rule)
- Form E ใหม่
- Flowchart แนวทางการค้นหากฎถิ่นกำเนิดสินค้า
- การใช้งานระบบฯ Form E ใหม่
- ศึกษาการกรอกคำขอหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form E ใหม่ (รูปแบบเดียวกับ Form D ASW) โดย คลิกที่นี่
- ไม่สามารถคัดลอก (Copy) Form E จากระบบฯ เดิมมาใช้กับระบบฯ ใหม่ได้
- การยื่นผ่านระบบ Digital Signature รูปแบบของไฟล์ XML สามารถดาวน์โหลดไฟล์ Schema Form E ที่มีการเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่วันที่ 21 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป คลิกรายละเอียด (ติดต่อสอบถามทาง email: prayut@nti.co.th)
- ผู้ประกอบการที่ยื่นขอ Form E ภายใต้ HS 2012 ต้องมารับ Form E ภายในวันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 ก่อนเวลา 16.00 น. เท่านั้น
- วันเสาร์ที่ 31 สิงหาคม 2562 เวลา 20.00 น. ปิดการใช้งานระบบการให้บริการออกหนังสือรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า เพื่อปรับระบบฯ Form E และเริ่มใช้งานระบบฯ ในวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน 2562 เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป
- สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0 2547 4830, 0 2547 4838, 0 2547 4827 และสายด่วน 1385
ประกาศ ณ วันที่ 21 สิงหาคม 2562